อาบน้ำร้อนมาก่อน มีไม่กี่เรื่องที่สามารถใช้ได้ในยุคนี้ สำหรับคนรุ่นพ่อ แม่ ปู่ย่า ตายาย เพราะเรื่องเทคโนโลยี ไอที คอมพิวเตอร์ และมือถือนั้น น้อยคนจะมีประสบการณ์ โดยเฉพาะเรื่องมือถือสมาร์ทโฟน เพราะอุปกรณ์ประเภทนี้เป็นคอมพิวเตอร์ประเภทหนึ่ง เพียงแต่ไม่ซับซ้อน เหมือนคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ หรือโน้ตบุ๊ค
มือถือสมาร์ทโฟนช่วยในการเรียนภาษาอังกฤษได้อย่างไรบ้าง
ก่อนอื่นเราจะไปทำความเข้าใจกันก่อนว่า มือถือสมาร์ทโฟนไม่ว่าจะเป็น Android หรือ iPhone/iPad มีประโยชน์ในการศึกษาอย่างไรบ้าง เช่น1. แอปเรียนภาษาอังกฤษ หรือแอปเกี่ยวกับภาษาอังกฤษมีเยอะมาก ทั้งดิกชันนารี แอปรวมคำศัพท์ บทสนทนา ทั้งมีคำศัพท์ ประโยค คำแปล และสามารถออกเสียงได้ การติดตั้งแอปเหล่านี้ในเครื่อง หากเป็นคนไผ่หาความรู้ ก็จะสามารถเรียนภาษาอังกฤษหรือวิชาอื่นๆ ได้ตลอดเวลา ตามต้องการ
2. eBook หรือหนังสือภาษาอังกฤษในรูปแบบหนังสืออีเล็คทรอนิค มีให้เลือกเยอะแยะมากมาย สามารถโหลดมาอ่านผ่านหน้าจอมือถือได้ทันที
3. วิดีโอจาก Youtube มีบทเรียนภาษาอังกฤษมากมายเช่นกัน ที่เด็กจะสามารถเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเองได้
4. ในมือถือสมาร์ทโฟนจะมีกล้อง ซึ่งสามารถถ่ายหน้าหนังสือเรียน ไว้อ่านในมือถือได้ ไม่ต้องพกพาหนังสือติดตัว
5. หาข้อมูลในเว็บไซต์ต่างๆ ที่สอนภาษาอังกฤษเช่น http://rong-chang.com/ เว็บไซต์นี้ดีมาก มีทั้งบทความ ทั้งแอป มีบทความทั้ง การฟัง การพูด การอ่าน การเขียน ฯลฯ ศึกษาภาษาอังกฤษด้วยตนเองที่เว็บไซต์นี้เว็บเดียว ก็เพียงพอที่จะช่วยให้บุตรหลานของคุณเก่งภาษาอังกฤษได้สบายๆ
6. การทำงานกลุ่ม ทำรายงานกลุ่ม การติดต่อกันทาง Line หรือ Facebook ค่อนข้างสะดวก
7. การทำงานกลุ่มใช้โปรแกรม Office เช่น ทำรายงานกลุ่ม เตรียมงานนำเสนอ ซึ่งจะมีแอป Word, Excel, PowerPoint ฯลฯ สามารถพิมพ์เอกสาร ทำงานร่วมกันผ่านทางมือถือได้
8. การใช้มือถือเพื่อความสะดวกสบาย และช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิต การทำงานในอนาคต ต้องยอมรับว่า การมีพื้นฐานความรู้ด้านเทคโนโลยี่ การใช้งานมือถือจะช่วยเสริมการทำงาน การใช้ชีวิตได้ เป็นประสบการณ์ที่เด็กควรจะได้รับเช่นกัน
iPhone/iPad หรือ Android เลือกอะไรดี
มือถือหรือสมาร์ทโฟนมีให้เลือกทั้ง iPhone และมือถือ Android ซึ่งก็มีข้อดีข้อเสียต่างกัน เช่น1. iPhone ราคาเครื่องแพง และมีค่าใช้จ่ายตามมาที่สูงเช่นกัน ในเรื่องเกี่ยวกับการศึกษา ไม่เหมาะอย่างยิ่งเพราะระบบปิด ไม่สามารถทำอะไรกับเครื่องได้มากนัก โดยเฉพาะในเรื่องของไฟล์ข้อมูล ไฟล์เอกสารต่างๆ ไม่สามารถก็อปปี้เข้าออกเครื่อง ได้อย่างอิสระเหมือน Android
2. มือถือ Android มีตัวเลือกมาก ราคาก็เช่นกัน เราสามารถจัดการกับเครื่อง ปรับแต่ง ก็อปปี้ไฟล์เข้าออก จัดการได้ดั่งใจ มีความยืดหยุ่นในการใช้งานสูงกว่า การใช้มือถือเพื่อการศึกษาจะมีสื่อหรือไฟล์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องค่อนข้างมาก หากสามารถจัดการได้อย่างอิสระย่อมจะดีกว่า เช่น รับส่งไฟล์เอกสารระกว่างกัน ก็อปปี้ไฟล์จากคอมพิวเตอร์เครื่องใดก็ได้ เข้าไปเก็บในมือถือ แชร์ข้อมูลกัน ฯลฯ แต่ข้อเสียก็คือ บางยี่ห้อ บางรุ่นประสิทธิภาพต่ำ อาจจะมีปัญหาบ่อย รวนบ่อย
คุณสมบัติมือถือต้องดูอะไรบ้าง
การหามือถือมาไว้ใช้สำหรับการเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเอง อาจจะพิจารณาคุณสมบัติต่างๆ ของมือถือดังนี้1. ยี่ห้อ และรุ่น ที่มีประสิทธิภาพดี ไม่สร้างปัญหา ทนทานใช้งานได้นาน ซึ่งต้องหาข้อมูลจาก Google อ่านประสบการณ์ในการใช้งานจริงให้มาก
2. ขนาดหน้าจอใหญ่พอสมควร 5-6 นิ้ว การเรียนภาษา หรือใช้งานด้านการศึกษา ขนาดหน้าจอเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเราต้องอ่าน ต้องดูหน้าจอ จึงต้องเลือกขนาดหน้าจอที่เหมาะสมกับสายตา ทั้งปัจจุบันและอนาคต เด็กๆ สายตาดี แต่สายตาจะมีปัญหาในอนาคตได้เช่นกัน
3. แบตเตอรี่อึดทน ความจุสูง ใช้งานได้นาน และเป็นแบตเตอรี่ที่มีคุณภาพดี เพราะในการใช้งานนอกสถานที่ ย่อมได้เปรียบ
4. กล้องความละเอียดสูง ควรมีกล้องความละเอียดตั้งแต่ 5 ล้านพิกเซล ขึ้นไป เพราะจะสามารถถ่ายภาพหน้าหนังสือเรียนหรือหนังสือในห้องสมุดเก็บไว้อ่านผ่านหน้าจอมือถือได้สบายๆ ความละเอียดน้อยกว่านี้ ภาพถ่ายจะไม่ชัด
5. พื้นที่เก็บข้อมูลรองรับ SD Card เพราะข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาอาจจะมีค่อนข้างมาก ทั้งเสียง ทั้งวิดีโอ หากไม่สามารถขยายพื้นที่เก็บข้อมูลด้วยหน่วยความจำภายนอก ก็จะเป็นปัญหาแน่นอน การใช้ iPhone จึงต้องคิดถึงตรงนี้ด้วย เพราะเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลไม่ได้
ข้อเสียที่จะตามมาเมื่อใช้มือถือสมาร์ทโฟน
เมื่อมีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย การใช้มือถือสมาร์ทโฟนสำหรับเด็กๆ จะเป็นข้อเสียมากกว่า หากไม่มีวินัย หรือไม่ควบคุมการใช้งานให้ดี ถ้าเน้นใช้มือถือสมาร์ทโฟนช่วยเลี้ยงลูก ก็มีแต่พังกับพังแน่นอน1. เด็กๆ ส่วนใหญ่น้อยคนจะมีวินัยในชีวิต ซึ่งก็เป็นไปตามวัย ไม่รู้ว่าอะไรผิดถูก หรือจะมีผลตามมาอย่างไรบ้าง ในสมาร์ทโฟนก็จะมีบริการ มีแอปต่างๆ ที่พร้อมจะทำให้เสียคน เสียวินัย และอาจจะส่งผลเสียต่อการเรียน รวมทั้งชีวิตด้วย เช่น ติดเล่น Line, Facebook, Youtube แชท เกม ฯลฯ หากไม่ควบคุมให้ดี มีปัญหาตามมาแน่นอน เพราะการใช้มือถือเพื่อความบันเทิงสนุกกว่า การใช้มือถือเพื่อเรียนภาษาอังกฤษ ซึ่งน่าเบื่อกว่ามาก เมื่อได้เครื่องมาแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นแบบนี้ ส่วนข้ออ้างว่า อยากได้เพื่อใช้ในการเรียนนั้น เป็นข้ออ้างคลาสสิกที่พ่อแม่ส่วนใหญ่จะยอมควักเงินออกมาจ่ายเกิน 50% เท่านั้นเอง
2. ค่าบริการอินเตอร์เน็ต การใช้มือถือสมาร์ทโฟนจำเป็นต้องต่อเน็ตตลอดเวลาและยิ่งความเร็วสูงมากเท่าไร ก็ยิ่งดี นั่นหมายถึงค่าใช้จ่ายที่จะตามมาเช่นกัน เพราะการใช้เน็ตแบบไม่จำกัดจะมีค่าใช้จ่ายขั้นต่ำก็ไม่น้อยกว่า 200 บาทต่อเดือน หรือปีละ 2400 บาท แต่หากต้องการเชื่อมต่อที่ความเร็วสูงกว่านี้ ก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น
3. แอปโซเชียค่อนข้างเยอะ ซึ่งผู้ปกครองที่ไม่มีความรู้ เกี่ยวกับภัยต่างๆ ที่จะตามมา ก็เสื่ยงที่เด็กจะเสียคน
4. การใช้มือถือสมาร์ทโฟน เด็กๆ จะสามารถดูสื่อทุกประเภทจากอินเตอร์เน็ตได้ทั้งหมด เรื่องบางเรื่องอย่าเรื่องเพศนั้น อาจจะทำให้เด็กเสียคนได้ หากไม่มีเวลาให้ความรู้แก่เด็ก การใช้มือถือสมาร์ทโฟนสำหรับเด็กจึงเป็นเรื่องที่ต้องคิดให้รอบด้าน
การใช้มือถือสมาร์ทโฟนนั้นศึกษาข้อดีข้อเสีย และต้องมีวินัย ในการใช้ เพราะมีสื่อทั้งข้อความ ภาพ เสียง วิดีโอ ความบันเทิง และอื่นๆ อีกมากมายที่จะทำให้เสียเวลา เสียสมาธิ ในการเรียน หรือการทำงานใดๆ ก็ตาม หากเด็กขาดวินัยในการใช้งาน ก็จะเป็นปัญหาตามมาอย่างแน่นอน
การซื้อมือถือให้เด็กใช้ ก็เป็นความจำเป็นที่เด็กจะต้องเรียนรู้เทคโนโลโยี่ใหม่ๆ เพื่อสามารถแข่งขันกับคนอื่นได้ และช่วยเรื่องการศึกษา แต่การฝึกให้เด็กมีวินัยในการใช้เป็นเรื่องที่ผู้ปกครองควรศึกษาหาข้อมูลก่อนและผู้ปกครองเองก็ต้องศึกษาหาความรู้ควบคู่กันไปกับเด็กด้วยเช่นกัน เพื่อให้รู้เท่าทัน กับสิ่งร้ายๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น จนกว่าจะแน่ใจว่า เด็กสามารถดูแลตัวเองได้ รู้จักใช้ ใช้ได้ ใช้เป็น จึงค่อยปล่อยให้รับผิดชอบตัวเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น