Tense นี้จะพูดถึงในเรื่องของระยะเวลากันมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่า คำว่า Present นั้นย่อมบอกเราเป็นนัยๆแล้วว่า ช่วงระยะเวลาที่เกิดขึ้น ต้องเป็นระยะเวลาในปัจจุบันอย่างแน่นอน
ส่วนคำว่า Continuous นั้น ก็จะแปลว่า ต่อเนื่อง เมื่อรวมๆ กันแล้วก็จะแปลว่า เหตุการณ์ต่อเนื่องที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันนั่นเอง
มีโครงสร้างทางไวยากรณ์ ที่แสนง่าย ดังนี้
เช่น
He is cooking.
เขากำลังทำอาหาร
เขากำลังเสิร์ฟเครื่องดื่ม
I am drinking water.
ฉันกำลังดื่มน้ำ
She is skiing.
เธอกำลังเล่นสกี
He is sitting under the tree.
เขากำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้
We are studying English.
พวกเรากำลังเล่นฟุตบอล
They are playing football
พวกเขากำลังเล่นฟุตบอล
Tense นี้มีคุณสมบัติดังนี้ คือ
1. เป็นเรื่องชั่วคราว
เมื่อผู้พูดใช้ Tense นี้ เขาจะรู้สึกว่า เขาต้องการสื่อว่า เหตุการณ์นั้นเป็นเพียงเรื่องชั่วคราว ที่เกิดขึ้นในระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น
สมศักดิ์ เป็นคนจังหวัดบุรีรัมย์ แต่เดินทางไปทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟที่สหรัฐเอมริกา เมื่อมีคนถามเขาว่า คุณอาศัยอยู่ที่ไหน เขาจะสามารถเลือกตอบได้สองอย่างคือ
I'm living in USA. หรือไม่ก็ I live in Thailand.
ประโยคเหล่านี้พอจะตีความได้ว่า ถ้าเป็น I'm living in USA. แสดงว่าสมศักดิ์ ต้องการการสื่อว่า
การอาศัยอยุ่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาของเขาเป็นเพียงเหตุการณ์ชั่วคราวเท่านั้น เขาจึงเลือกใช้รูปกริยาเป็น present continuous
แต่ถ้าหากว่า เขาเลือกใช้ประโยคหลัง คือ I live in Thailand. ซึ่งเป็นประโยคที่เขียนด้วย present simple tense นั่นก็หมายความว่า เขาต้องการบอกเป็นนัยๆ ว่า ประเทศไทย คือที่ที่เขาเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่เป็นการถาวร เรียกว่าอยู่ไปจนแก่เฒ่า และจนกระทั่งหมดลมหายใจกันเลยทีเดียว โดยไม่ต้องมีคำอื่นๆ มาขยายให้ยุ่งยาก ซึ่งนี่ก็คือความแตกต่างของการเลือกใช้ Tense นั่นเอง
ลองมาดูอีกตัวอย่างหนึ่งนะครับ เพื่อความชัดเจน
ถ้าหากว่า สมศักดิ์ เกิดไปหลงรักนักร้องสาวชาวอเมริกันซึ่งมีนามว่า Lucy (ลูซี่) ซึ่งมีอาชีพเป็นนักร้องล่ะ ลองมาดูประโยคต่อไปนี้ ซึ่งทำให้สมศักดิ์ต้องเพิ่มเวลาพิเศษในการทำงานอีกหน่อยโดยการไปเป็นนักร้องที่ผับแห่งนั้นเพื่อจะได้ใกล้ชิดกับเธอ
Lucy is a singer. ลูซี่เป็นนักร้อง (โดยอาชีพของเธอ)
Somsak is a waiter. สมศักดิ์เป็นพนักงานเสิร์ฟ (โดยอาชีพของเขา)
Somsak is singing. สมศักดิ์กำลังร้องเพลง
สรุปได้ว่า สมศักดิ์เป็นพนักงานเสิร์ฟอาหารโดยอาชีพ แต่มาร้องเพลงเพื่อให้ได้จีบสาวเป็นการชั่วคราว
จะเห็นได้ว่า ข้อแตกต่างระหว่าง present continuous กับ present simple ก็คือ
1. present continuous มีข้อจำกัดในเรื่องของระยะเวลา ว่าจะเกิดใน ปัจจุบันเป็นการชั่วคราว
2. present simple การกระทำนั้นจะเกิดนานแค่ไหนก็ได้ ไม่มีขีดจำกัดแต่อย่างใด
ท่านที่เรียนภาษาอังกฤษมา คงเคยได้พบกับคำถามที่ว่า
What do you do? คุณทำอะไร ซึ่งเป็นการถามถึงการประกอบอาชีพเป็นการถาวร
ถ้าคนที่คุณถามตอบว่า I am a waiter. นั่นหมายความว่า คนที่ตอบจะประกอบอาชีพนั้นไปตลอดเลย
แต่ถ้าหากเขาตอบว่า I am singing. ก็จะกลายเป็นกิจกรรมชั่วคราวทันที ซึ่งเข้ากับหลักการนี้ที่ว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการชั่วคราวนั่นเอง
2. มีช่วงระยะเวลา
หมายความว่า เป็นเหตุการณ์ที่ดำเนินต่อเนื่องอยู่ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง บอกให้รู้ว่าคนๆนั้นกำลังทำอะไรในช่วงระยะเวลาที่อ้างถึง เช่น
Somsri is cooking. สมศรีกำลังทำอาหาร
ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การทำอาหารของเธอเป็นเหตุการณ์ที่ดำเนินอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ลีลาการทำอาหารที่คล่องแคล่วทะมัดทะแมง หยิบนั่นจับนี่ ด้วยความชำนาญ ซึ่งจำเป็นต้องมีช่วงระยะเวลา
คิดง่ายๆ ลองนึกถึงภาพของการยิงปืนที่เกิดขึ้นซ้ำๆ จนเกิดเป็นระยะเวลาก็แล้วกันคับ
3. ยังไม่สิ้นสุดลง
ธรรมชาติอย่างที่สามของ tense นี้ คือ ในขณะที่พูดประโยคลักษณะนี้ออกไปนั้น เหตุการณ์นั้นยังไม่จบ เช่น
I'm studying at Thammasart University. ฉันกำลังศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยที่ธรรมศาสตร์
นั่นก็แสดงว่าขณะที่พูดนี้ก็ยังเรียนอยู่ ยังไม่สำเร็จการศึกษาแต่อย่างใด
Pete and James are playing football. พีทและปีเตอร์กำลังเล่นฟุตบอลกันอยู่
ซึ่งแสดงว่า ขณะที่พูดอยู่นี้ ทั้งสองคนกำลังเล่นฟุตบอลกันอยู่ ยังไม่เลิก แต่สักพักก็จะเลิกอย่างแน่นอน คงไม่ได้เล่นอยู่ตรงนั้นไปตลอดชีวิตแน่ๆ
เป็นอย่างไรกันบ้างล่ะคับ พอจะมองเห็นถึงแก่นแท้ของ present continuous tense กันบ้างหรือยังคับ ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆ ท่านที่กำลังศึกษาเรื่องเหล่านี้อยู่นะครับ
ไม่มีสิ่งใดยากเกินความพยายามของเราอย่างแน่นอนครับ แล้วมาพบกันใหม่ในเรื่องต่อๆ ไปครับ
สวัสดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น