วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

Information on Grammar pertaining to English Speaking (ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหลักไวยากรณ์ในการพูดภาษาอังกฤษ)


ในการที่จะมีความคล่องแคล่วในภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนที่เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง การเรียนไวยากรณ์ทำให้กระบวนการเรียนรู้ของคุณช้าลงอย่างมีนัยสำคัญ แกรมม่าพื้นฐานมีความจำเป็น
แต่ทว่า การพุ่งเป้าไปที่สิ่งเหล่านั้น จะปิดกั้นคุณในการที่จะพูดอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วในกรอบเวลาที่เหมาะสม แกรมม่าคือสิ่งมี่มีประสิทธิภาพในการปรับปรุงทักษะในการสื่อสารและทักษะการเขียน แต่ว่า สิ่งนี้เกี่ยวข้องอย่างเดียวกับผู้คนซึ่งมีพื้นฐานที่ดีในการที่จะมีความชำนาญในภาษาอังกฤษ

สิ่งที่เป็นเรื่องธรรมดาสามัญสำหรับทุกๆคนบนโลกนี้คือว่า พวกเขาเรียนรู้การพูดก่อนที่จะเรียนหลักไวยากรณ์ การพูดคือก้าวแรกสำหรับผู้เรียนภาษาอังกฤษ ดังนั้น ถ้าคุณคือผู้เริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษ กรุณาพุ่งความสนใจไปที่การพูดและการฟังก่อนที่จะเรียนหลักไวยากรณ์ หลังจากที่คุณพูดได้คล่องแล้ว คุณจะรู้ว่าแกรมม่านั้นมีความง่ายดายมากแค่ไหน แต่มันไม่ได้ผลกับวิธีอย่างอื่น ความชำนาญในการพูดภาษาอังกฤษจะช่วยคุณในการศึกษาแกรมม่า แต่ว่า การเรียน แกรมม่าไม่ได้ช่วยในเรื่องการพูดของคุณเลย

ในบทความนี้ ได้อธิบายหัวข้อหลักไวยากรณ์ที่เป็นเรื่องพื้นฐานที่สุด ซึ่งประกอบไปด้วย ประธาน ภาคแสดง กริยา และ article (คำนำหน้าคำนาม) สิ่งนี้คือสิ่งที่เป็นพื้นฐานจริงๆที่คุณควรรู้ หลังจากที่คุณรู้สึกผ่อนคลายกับการพูดภาษาอังกฤษ จากนั้นคุณก็สามารถศึกษาหัวข้อไวยากรณ์ที่มีระดับสูงกว่านี้ ต่อไป
What is a subject? (ประธานคืออะไร)

ประธานในประโยค คือ ใคร หรือ อะไร ที่คุณกำลังพูดพูดถึง ทุกๆ ประโยคต้องการประธาน ถ้าคุณไม่มีประธาน ประโยคก็ไม่ถูกต้องและไม่มีใครเข้าใจสิ่งที่คุณกำลังพูดถึง

ในภาษาอื่นๆ ประธานไม่เป็นที่ต้องการเสมอไป โดยการพูด คนที่ฟังคุณจะเข้าใจสิ่งที่คุณกำลังพูดถึง ดังนั้น ประธานไม่มีความจำเป็น ในภาษาอังกฤษ ประธานมีความจำเป็นมาก

นี่คือตัวอย่างประโยคสั้นๆ และประธานที่ถูกขีดเส้นใต้เอาไว้

"I am thirsty"

"My brother is very nice"

"That computer is very cheap"

"We are going to the supermarket now"

"My sister and I will be waiting there"

"The building is very small"

"When are you going to eat dinner?"

"Why are they waiting in line?"

"Who is going to take you to the theatre?"

What is a predicate? (ภาคแสดง)

ส่วนขยายในประโยคคือส่วนที่ทำให้คนทราบว่าประะธานคืออะไร หรือสิ่งนั้นกำลังทำอะไร มันคือวลีหรือกลุ่มคำซึ่งประกอบไปด้วยคำกริยา คำกริยาจะอยู่ในภาคแสดงเสมอ

มาดูประโยคที่เราใช้ในเรื่องของประธานเพื่อระบุภาคแสดง ซึ่งก็คือส่วนที่ขีดเส้นใต้เอาไว้

"I am thirsty"

"My brother is very nice"

"That computer is very cheap"

"We are going to the supermarket now"

"The building is very small"

ประโยคสั้นๆด้านบนนั้น เราได้ทำการระบุประธานและภาคแสดง ในประโยคพื้นฐานส่วนใหญ่ คุณต้องการประธานและภาคแสดงที่สัมพันธ์กับประธาน เรามาดูคำกริยาเพื่อที่จะทำความเข้าใจสิ่งนี้ในรายละเอียดที่มากขึ้น

What is a verb? (กริยาคืออะไร)

คำกริยา คือ การกระทำ การดำรงอยู่ หรือ การเกิดขึ้น ในประโยคธรรมดาทั่วไปที่เราใช้กันมาจนถึงเดี๋ยวนี้ คำกริยามักอยู่ในรูปการดำรงอยู่ซะส่วนใหญ่ พวกมันคือ am is และ are

คำกริยาชนิดอื่นๆ คือคำกริยาที่แสดงอาการได้ อย่างเช่น

Laugh

Run

Walk

Throw

Jump

Wash

Dance

Learn

Teach

มีคำกริยาที่แสดงอาการได้จำนวนมาก แต่ว่าผมเพียงแค่ลงรายละเอียดเพียงน้อยนิดเพื่อให้คุณทราบสิ่งที่ผมต้องการแสดงให้เห็น ประโยคเหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าใจได้

"I need to wash my clothes"

"James taught Jake"

"Mike is running"

คำกริยาสามารถขึ้นต้นประโยคได้ด้วยเช่นกัน

"Throw the ball out of the field"

"Walk towards the finish line"

มันมีความสำคัญในการที่จะเข้าใจคำกริยา แต่ว่า การรู้แค่เพียงประธานและคำกริยานั้นยังไม่เพียงพอ ยกตัวอย่างเช่น "Jill run" ยังไม่ใช่ประโยคที่สมบูรณ์ ถึงแม้ Jill สามารถเป็นประธานในประโยคได้ และ "run" คือ คำกริยา นี่ยังไม่ใช่ประโยคที่สมบูรณ์ นั่นคือว่า ทำไมบทเรียนก่อนหน้านี้ในเรื่องภาคแสดงจึงมีความสำคัญ เพราะในเรื่องนั้น เราสามารถเปลี่ยนประโยคให้เป็นประโยคที่ถูกต้องได้เช่น "Jill is running"
What is an Article? (Article คืออะไร)

Articles หรือ คำนำหน้าคำนาม มองดูเหมือนง่าย แต่มันยากสุดที่จะสอนให้เข้าใจ

"A", "An", and "The" คือ articles มันเป็นการง่ายที่จะอธิบายความแตกต่างของพวกมัน แต่ว่า มันยากที่จะอธิบายในเรื่งอการใช้

"A" and "An" มีความหมายเหมือนกัน ทั้งสองคำเป็นคำนำหน้านามที่ไม่ชี้เฉพาะ ที่แตกต่างก็แค่คำนามที่ตามหลังพวกมันเท่านั้น ดังคำอธิบายสั้นๆ ดังนี้

คุณควรใช้ "A" เมื่อคำที่ตามหลังมาขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ เช่น

"A dog..."

"A boy..."

"A building..."

"A hamburger..."

คุณควรใช้ "An" เมื่อคำคำที่ตามหลังมาขึ้นต้นด้วยสระ เช่น

"An eagle..."

"An umbrella..."

"An elephant..."

"An awesome book..."

"The" คือคำนำหน้านามที่ใช้แบบชี้เฉพาะเจาะจง

ถ้าหากคุณพูดว่า "I am going to a library to study", คนที่คุณพูดด้วยจะไม่รู้เลยว่าเป็นห้องสมุดไหน แต่ถ้าคุณพูดว่า "I am going to the library to study" เขาจะรู้ว่าเป็นห้องสมุดแห่งไหน

"I am going to a coffee shop" (No specific coffee shop)

"I am going to the coffee shop" (A specific coffee shop both the speaker and listener know)

ประโยคที่แรก coffee shop ไม่ชี้เฉพาะ
ประโยคที่สอง คนพูดและคนฟัง รู้ว่าเป็น coffee shop ที่ไหน

กฎการใช้ที่ควรจำให้ขึ้นใจคือ จะไม่ใช้ articles เมื่อพูดถึงชื่อ เช่น

"Turn left at the burger store"

"Turn left at McDonalds"

"The boy was running very fast"

"Mike was running very fast"

หรือเมื่อพูดถึงสิ่งทั่วๆไปในการสนทนา เช่น

"Too much alcohol is bad for you"

"Cigarettes can cause lung cancer"

ในเรื่องการกีฬาก็เช่นกัน เช่น

"I love playing badminton"

"Football is a dangerous sport"

ในกรณีส่วนใหญ่ คุณไม่จำเป็นต้องใช้ articles เมื่อพูดถึงประเทศ เว้นแต่ เมื่อชื่อนั้นหมายถึงหลายประเทศรวมกัน เช่น ถ้าเราพูด "England" or "Scotland" เราไม่จำไเป็นต้องใช้ article แต่ถ้าคุณหมายถึง "The United Kingdom" or "The United States" คุณต้องใช้มัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น