1. Don't study grammar too much (อย่าเรียนเรียนหลักไวยากรณ์ มากเกินไป)
กฎข้อนี้อาจจะฟังดูแปลกๆสำหรับนักเรียนที่เรียนภาษาสอังกฤษเป็นภาษาที่สอง แต่มันเป็นกฏข้อหนึ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ถ้าหากว่าคุณต้องการที่จะผ่านการสอบคุณต้องเรียนหลักไวยากรณ์ อย่างไรก็ตาม ถ้าหากว่าคุณต้องการที่จะพูดอังกฤษคล่องแล้วล่ะก็ คุณควรจะพยายามเรียนรู้โดยการที่คุณไม่ต้องเรียนหลักไวยากรณ์แต่อย่างใด
เพราะการเรียนไวยากรณ์นั้น จะทำให้การให้การเรียนรู้ของคุณช้าลงและทำให้เกิดการสับสน คุณจะคิดถึงแต่กฎเกณฑ์เมื่อคุณสร้างประโยคแทนที่จะพูดประโยคเหมือนเจ้าของภาษาอย่างเป็นธรรมชาติ จงจำไว้ว่า มีเพียงส่วนน้อยมากของของผู้พูดภาษาอังกฤษรู้มากกว่ายี่สิบเปอร์เซ็นต์ของกฎเกณฑ์ทางไวยากรณ์ ผู้เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองส่วนหลายคนรู้หลักเกณฑ์ทางภาษามากกว่าเจ้าของภาษาเสียอีก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ผมขอพูดอย่างมั่นใจจากประสบการณ์ของผมเอง ผมเป็นคนพูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ เรียนด้านภาษาอังกฤษเป็นวิชาเอก และมีประสบการณ์การสอนภาษาอังกฤษกว่าสิบปีแล้ว อย่างไรก็ตาม นักเรียนของผมจำนวนมากรู้รายละเอียดด้านแกรมม่ามากกว่าผมเสียอีก
ฉันมักจะถามเพื่อนที่พูดภาษาอังกกฤษเป็นภาษาแม่เกี่ยวกับเรื่องแกรมม่า และมีเพียงไม่กี่คนที่รู้คำตอบที่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็มีความชำนาญในภาษาอังกฤษ และสามารถอ่าน พูด ฟัง และ สื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยทีเดียว
คุณต้องการที่จะสามารถท่องจำความหมายของ causative verb หรือ คุณต้องการที่จะพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วล่ะ
2. Learn and study phrases (เรียนรู้และศึกษากลุ่มคำ)
นักเรียนหลายคนเรียนรู้คำศัพท์และพยายามที่จะนำคำเหล่านั้นรวมเข้าด้วยกันเพื่อสร้างเป็นประโยคที่ถูกต้อง มันทำให้ผมประหลาดใจกับจำนวนคำศัพท์ที่นักเรียนของผมรู้ แต่พวกเขาไม่สามารถสร้างประโยคที่ถูกต้องได้ เหตุผลก็คือว่า เพราะว่าพวกเขาไม่ศึกษาวลีนั่นเอง เมื่อเด็กๆเรียนรู้ภาษา พวกเขาจะเรียนทั้งคำศัพท์และกลุ่มคำ ในทำนองเดียวกัน คุณจำเป็นที่จะต้องศึกษาและเรียนรู้กลุ่มคำด้วยเช่นเดียวกัน
ถ้าหากแม้นว่าคุณรู้คำศัพท์ 1,000 คำ คุณอาจจะไม่สามารถพูดประโยคที่ถูกต้องเพียงประโยคเดียวได้ แต่ถ้าคุณรู้เพียงวลีเดียว คุรสามารถสร้างประโยคที่ถูกต้องได้เป็นร้อยๆประโยค ถ้าคุณรู้ 100 วลี คุณจะประหลาดใจกับจำนวนประโยคที่ถูกต้องที่คุณสามารถพูดได้ ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าหากว่าคุณรู้เพียง 1,000 วลี คุณเกือบจะเป็นผู้พูดภาษาอังกฤษที่มีความคล่องแคล่วเลยทีเดียว
ดังนั้น อย่ามัวใช้เวลาเพื่อเรียนรู้คำศัพท์ที่แตกต่างกันจำนวนมาก ให้ใช้เวลาเหล่านั้นศึกษากลุ่มคำหรือวลีแทน และคุณก็จะเข้าใกล้ความคล่องแคล่วในการพูดภาษาอังกฤษ
Don't translate (ห้ามแปล)
เมื่อคุณต้องการที่จะสร้างประโยคภาษาอังกฤษ อย่าแปลคำศัพท์จากภาษาแม่ของคุณโดยเด็ดขาด ลำดับของคำอาจจะแตกต่างอย่างสิ้นเชิงและคุณอาจเกิดความล่าช้าและผิดพลาดจากการกระทำเช่นนี้ การเรียนรู้กลุ่มคำและประโยคแทนนั้น ทำให้คุณไม่ต้องคิดถึงคำศัพท์ที่คุณกำลังพูด มันจะเป็นไปโดยอัตโนมัติ
ปัญหาอีกอย่างหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการแปลคือว่า คุณจะพยายามที่จะรวมหลักไวยากรณ์ซึ่งคุณได้เรียนรู้มาแล้วนั่นเอง การแปลและการคิดถึงหลังไวยากรณ์เพื่อสร้างประโยคภาษาอังกฤษนั้นเป็นสิ่งที่ผิดและสมควรได้รับการหลีกเลี่ยง
3. Reading and Listening is NOT enough. Practice Speaking what you hear! (การอ่านและการฟังนั้นยังไม่พอ ให้ฝึกการพูดในสิ่งที่คุณได้ยิน)
การอ่าน การฟัง และการพูด คือสิ่งที่สำคัญที่สุดของทุกๆภาษา ภาษาอังกฤษก็เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม การพูดคือความต้องการเพียงสิ่งเดียวก็เพื่อให้เกิดความคล่องแคล่ว เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเด็กเล็กๆ และเด็กๆ ที่จะเรียนรู้การพูดเป็นอย่างแรก เกิดความชำนาญ จากนั้นก็เริ่มต้นการอ่าน และเขียน ดังนั้น ลำดับตามธรรมชาติคือ การฟัง การพูด การอ่าน และเขียน
First Problem (ปัญหาแรก)
มันไม่แปลกหรือที่โรงเรียนทั่วโลกสอนการอ่านก่อน จากนั้นการเขียน การฟัง และการพูด ถึงแม้ว่ามันจะแตกต่าง แต่เหตุผลหลักก็เพราะ เมื่อคุณเรียนรู้ภาษาที่สอง คุณจำเป็นที่จะต้องอ่านสื่อเพื่อให้เข้าใจและเรียนรู้มัน ดังนั้น ถึงแม้ว่าลำดับตามธรรมชาติ คือ การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน ลำดับของนักเรียนที่เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองคือ การอ่าน การฟัง การพูด และการเขียน
Second Problem (ปัญหาที่สอง)
เหตุผลที่หลายคนสามารถอ่านและฟังก็เพราะว่านั่นคือทั้งหมดเกิดจากการฝึกฝน แต่ในการที่จะพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วนั้น คุณจำเป็นต้องฝึกการพูดด้วย ห้ามหยุดในช่วงของการฟัง และเมื่อคุณเรียนรู้ ไม่เพียงแค่ฟังอย่างเดียว พูดออกมาดังๆตามสื่อที่คุณกำลังฟังและฝึกฝนสิ่งที่คุณได้ยิน ฝึกพูดดังๆจะกว่าปากและสมองของคุณสามารถทำได้โดยอัตโนมัติ การกระทำเช่นนั้น คุณจะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วเลยทีเดียว
4. Submerge yourself (ถมตัวคุณเอง)
การที่จะพูดภาษาได้ไม่เกี่ยวข้องกับความฉลาดของคุณ ใครๆก็สามารถเรียนรู้ที่จะพูดภาษาใดก็ได้ นี่คือข้อเท็จจริงที่ได้รับการพิสูจน์แล้วโดยทุกๆคนในโลก ทุกๆคนสามารถพูดได้อย่างน้อยหนึ่งภาษา ไม่ว่าคุณจะฉลาดหรือขาดพลังทางสมอง คุณก็สามารถพูดได้หนึ่งภาษาสิ่งเหล่านี้สามารถประสบความสำเร็จได้โดยการคลุกคลีกับภาษานั้นตลอดเวลา ในประเทศของคุณ คุณได้ยินและพูดภาษาของคุณเป็นประจำ คุณจะสังเกตเห็นว่า คนจำนวนมากที่พูดภาษาอังกฤษได้ดีนั้น คือคนที่ศึกษาในโรงเรียนที่พูดภาษาอังกฤษ พวกเขาสามารถพูดภาษาอังกฤษไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาไปเรียนโรงเรียนการพูดภาษาอังกฤษ แต่เพราะพวกเขามีสิ่งแวดล้อมซึี่งพวกเขาสามารถอยู่ในท่ามกลางคนที่พูดภาษาอังกฤษเป็นประจำนั่นเอง
ยังมีบางคนที่ไปเรียนในต่างประเทศและเรียนรู้น้อยมาก นั่นเพราะว่าพวกเขาไปเรียนที่โรงเรียนที่พูดภาษาอังกฤษแต่พบกับเพื่อนที่มาจากประเทศเดียวกันและไม่ฝึกภาษาอังกฤษนั่นเอง
คุณไม่จำเป็นต้องไปที่ไหนเพื่อให้เป็นคนที่พูดภาษาอังกฤษเก่ง คุณเพียงแค่ทำให้รอบๆตัวคุณเต็มไปด้วยภาษาอังกฤฟา คุณสามารถทำสิ่งนี้โดยการสร้างกฏกับเพื่อนของคุณว่าจะพูดกันด้วยภาษาอังกฤษ คุณสามารถหิ้ว iPod และฟังประโยคภาษาอังกฤษเป็นประจำ แล้วคุณจะเห็นได้ว่า คุณสามารถประสบความสำเร็จโดยการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่อยู่รอบๆตัวคุณเอง
5. Study correct material (ศึกษาสื่อที่ถูกต้อง)
วลีที่พูดกันอย่างแพร่หลายซึ่งไม่ถูกต้องคือ 'การฝึกฝนทำให้สมบูรณ์แบบ' สิ่งนี้อยู่ห่างไกลจากความเป็นจริงมาก การฝึกฝนเพียงแค่ทำให้สิ่งที่คุณกำลังลังฝึกนั้นคงทนถาวร ถ้าหากว่าคุณฝึกประโยคที่ไม่ถูกต้อง คุณจะสมบูรณ์แบบในการพูดประโยคที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้น มันมีความสำคัญที่คุณจะต้องศึกษาสื่อที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายโดยคนส่วนใหญ่
ปัญหาอีกอย่างที่ผมเห็นคือว่า นักเรียนจำนวนมากศึกษาจากข่าว อย่างไรก็ตาม ภาษาที่พวกเขาพูดนั้นมีความเป็นทางการและมีบริบทซึ่งสิ่งพวกเขาใช้มีความเกี่ยวข้องกับการเมืองและไม่ใช้กันในชีวิตปกติ มันมีความสำคัญที่จะเข้าใจว่าอะไรที่พวกเขากำลังพูดอยู่ แต่ว่านี่คือบทเรียนที่มีความก้าวหน้าซึ่งควรจะได้รับการศึกษาหลังจากการเรียนรู้พื้นฐานเบื้องต้นของภาษาอังกฤษ
เรียนรู้ภาษาอังกฤษกับเพื่อนผู้ซึ่งไม่ใช่เจ้าของภาษามีทั้งข้อดีและข้อเสีย คุณควรตระหนักถึงข้อดีและข้อเสีย ของการพูดกับเพื่อนที่ไม่ใช่เจ้าของภาษา การฝึกฝนกับผุ้ที่ไม่ใช่เจ้าของภาษานั้นจะทำให้คุณเกิดการปฏิบัติ คุณสามารถกระตุ้นซึ่งกันและกันด้วยเช่นเดียวกัน และสามารถระบุความผิดพลาดง่ายๆได้ แต่ว่า คุณอาจจะได้รับนิสัยแย่ๆจนากอีกคน ถ้าหากว่าคุณไม่แน่ใจว่าประโยคไหนที่ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง ดังนั้น ใช้เวลาของการฝึกเหล่านี้เป็นเช่นช่วงเวลาในการฝึกจากสื่อที่ถูกต้องที่คุณได้ศึกษา ไม่ใช่การเรียนรู้ว่าจะพูดประโยคอย่างไร
สรุป ศึกษาสื่อภาษาอังกฤษซึ่งคุณสามารถเชื่อถือได้ ซึ่งถูกใช้อย่างเป็นปกติ
และมีความถูกต้อง
Summary (สรุป)
These are the rules that will help you achieve your goal of speaking English fluently..
สิ่งเหล่านี้คือกฏเกณฑ์ซึ่งจะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในการพูดภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น